รีวิวระบบ EMS ของญี่ปุ่น
ระบบ Emergency Medical Service ของญี่ปุ่นแตกต่างจากไทยอย่างสิ้นเชิงงงงงง แต่มันดีย์ มันเป็นระบบที่เลิศสำหรับหมอมากกก ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า โรงพยาบาลส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่นเปิดเฉพาะจันทร์ถึงศุกร์ในเวลาราชการเท่านั้น ภาควิชาที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงคือER เท่านั้นจ้า ส่วนภาคอื่นปิดหมด เคยไปรพ. ผิดวัน คือเป็นวันหยุดราชการ มันก็คือรพ. ร้างดีๆ นี่เอง ไม่มีคนเลยยยยย
ทีนี้เวลาคนญี่ปุ่นป่วยจะทำไง? ก็โทร 119 เบอร์เดียว ซึ่งมันจะไปติดที่สำนักงานสถานีดับเพลิงกลางในแต่ละเมือง เพราะระบบที่นี่คือ รวมงานดับเพลิงกับ paramedic เป็นหน่วยงานเดียวกัน
สำหรับ Osaka Munipical Fire Department จะดูแลประชากร 2.7 ล้านคน ในพื้นที่ 225 ตารางกิโลเมตร มีรถพยาบาลทั้งหมด 63 คัน และมี ambulance personnel 630 คน ปฏิบัติงาน 230,000 mission ต่อปี
เมื่อมีสายเข้ามา ก็จะมีระบบ call taker 3 ระดับ คือ
1. Screening โดยแยก medical กับ non-medical reason ออกจากกัน เช่นบางคนแค่อยากรู้ว่า รพ ไหนเปิดในวันหยุดบ้าง เจ้าหน้าที่ก็จะให้ข้อมูลไป เค้าบอกว่า รับโทรศัพท์ 900-1200 สายต่อวันจ้า
2. Nurse Screening ให้พยายาลมานั่งรับโทรศัพท์ และเป็นคนตัดสินใจว่า ผู้ป่วยควรมารพ. หรือไม่ เช่นเป็นไข้หวัดก็ดูแลตัวเองไปก่อนนาจา หรือแนะนำให้มาในเวลาราชการแทน ถ้าพยาบาลตัดสินใจไม่ได้ก็จะส่งต่อให้หมอคุยแทน
3. Ambulance Dispatch Center เมื่อพยาบาลหรือหมอพิจารณาว่าผู้ป่วยควรไปโรงพยาบาล เค้าก็จะโอนสายไปที่ Ambulance Call Taker ซึ่งจะส่งรถ ambulance ไปที่ scene as soon as possible เค้าไม่มีเกณฑ์ activation time แบบบ้านเรา แต่ส่วนใหญ่รถพยาบาลถึงผู้ป่วยได้ใน 5 นาที
นอกจากนี้ ในห้อง Ambulance Dispatch Center จะเป็นห้องใหญ่เหมือนตลาดหลักทรัพย์ บนจอยักษ์จะแสดงผลว่า มีคนโทรมากี่สาย รถพยาบาลไปทำภารกิจกี่ครั้ง ตอนนี้มีรถกี่คัน รถแต่ละคันอยู่ที่ไหน มีแผนที่บอกตำแหน่งรถ และสถานะของผู้ป่วย นอกจากนี้ ที่นี่ติดกล้องที่ตึก Abeno Haruka ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโอซาก้า กล้องนี้จะถ่ายและแพนตลอดเวลา และซูมได้ไกลมากกกกกกก ถ้ามีไฟไหม้ขึ้นเค้าจะซูมกล้องไปแล้วตามติดสถานการณ์แบบ live เลย มายก้อดดดดดด
ในส่วนของ Ambulance นั้น เค้าจะมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 3 คน ซึ่ง 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่ธรรมดา และ 1 ในนั้นจะต้องเป็น paramedic ซึ่งผ่านหลักสูตร ELT หรือ Emergency Lifesaving Treatment สิ่งที่สำคัญคือ เมื่อ paramedic ออกไปที่ scene และเจอคนไข้แล้ว จะต้องนำส่งรพ. ทุกราย! ไม่ว่าจะอาการเบาก็ตาม ไม่สามารถปฏิเสธผู้ป่วยได้จ้าา และจนท paramedic ต้องโทรประสานงานรพ. ใกล้เคียงก่อนนำส่งด้วยจ้ะ ดังนั้นถ้ารพ. ยุ่ง เขามีสิทธิปฏิเสธรับผู้ป่วยได้จ้า paramedic ก็โทรวนไป (ซึ่งตอนนี้เค้าพัฒนา application มือถือที่บอกสถานะว่า รพ นี้ยุ่งหรือไม่ยุ่ง มีรพ ใกล้เคียงกี่แห่ง มีศักยภาพให้ rtpa ไหม ประมาณนี้)
ถามว่า paramedic ทำอะไรได้บ้าง? คือน้อยกว่าไทยมากจ้าาาา กล่าวคือ ทำได้น้อยมากกกก เอางี้ บนรถมีอยู่ 4 อย่างคือ เครื่องเจาะ dtx, 50%glucose 50 ml, adrenaline 1mg/1ml, ringer lactate soution 500 ml แค่นี้จ้ะ... ใส่ ETT ได้เฉพาะเคส cardiac arrest เท่านั้น ถ้าเหนื่อยมากก็บีบ bag วนไปจ้ะ defib ได้ภายใต้คำสั่ง ส่วนเคส symptomatic hypoglycemia ให้ glucose ได้ก็ต่อเมื่อ dtx <50 และให้ RLS for kvo เท่านั้น ไม่มี dextrose solution จ้ะ ไม่มี online/offline communication แบบที่ไทยนะ ถ้าเคส arrest ห้ามแทงดำ ต้องนำส่ง รพ เท่านั้น
อ้อ ที่แปลกมากกกกอีกข้อคือ... โรงพยาบาลไม่มี Ambulance นะ 555 ถ้าจะรีเฟอคนไข้จะต้องติดต่อสถานีดับเพลิงเท่านั้น
Comments
Post a Comment